จัด 10 อันดับ รถยนต์ประหยัดน้ำมัน ที่น่าจับตามองในปี 2024

รถยนต์ประหยัดน้ำมัน สำหรับยุคนี้เรียกได้ว่ากระแสรถยนต์ประหยัดน้ำมันเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดรถยนต์ เนื่องจากราคาน้ำมันจะสูงขึ้นต่อไปเท่านั้น ส่งผลให้ผู้ใช้รถจำนวนมากเลือกที่จะมองหารถยนต์ประหยัดน้ำมัน เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในกระเป๋าของคุณมากขึ้น toyota

นอกจากนี้ รถยนต์ประหยัดน้ำมันหลายรุ่นในท้องตลาดปัจจุบันยังมีสมรรถนะและฟังก์ชันที่ตอบสนองความต้องการในการขับขี่ไม่น้อยไปกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซินรุ่นใหม่ๆ แต่รุ่นไหนจะน่าสนใจ? วันนี้ Moto Check-in จะพามาดู 10 อันดับรถยนต์ประหยัดน้ำมัน สิ่งที่น่าสนใจในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะมีรุ่นอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย รถยนต์ไฟฟ้า

Mitsubishi Mirage Ralliart

รถยนต์ประหยัดน้ำมัน  มาเริ่มกันที่รถประหยัดน้ำมัน ดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์แรลลี่อาร์ต มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว Auto Stop & Go 1.2 ลิตร 1,193 ซีซี ให้กำลัง 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วย INVECS – III เกียร์อัตโนมัติ CVT. ด้วยระบบ INC และ G-Sensor ระบบบังคับเลี้ยวแบบแรคแอนด์พีเนียน

รถรุ่นนี้ยังมีระบบควบคุมกำลังไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกด้วย เน้นความปลอดภัยด้วยระบบเบรกด้านหน้าพร้อมดิสก์เบรกแบบมีรูระบายอากาศ เบรกหลังเป็นแบบดรัมเบรก และยังมีระบบกันสะเทือนหน้าอีกด้วยที่ด้านหลัง ไม่เพียงแค่นั้นยังเป็นรถยนต์ประหยัดน้ำมันด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร รถยนต์ไฟฟ้า

BMW 330e M Sport

เชื่อมต่อกับรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ดีไซน์สปอร์ต เน้นความหรูหราเพิ่มความหล่อและสง่างาม ที่สำคัญยังเป็นระบบไฮบริดที่สามารถเสียบชาร์จได้ โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าแบบ Full LED สองดวง และไฟตัดหมอกแบบ LED ที่สามารถปรับระดับไฟสูงได้อัตโนมัติ ไฟท้ายเป็นแบบ LED รูปตัว L ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหนังและอลูมิเนียมเป็นหลัก ตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชันหน้าจอสัมผัส toyota

พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พละกำลัง 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,000 รอบต่อนาที กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 83 กิโลวัตต์ / 113 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 265 นิวตันเมตร ช่วยให้ขับขี่เพื่อประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และหากขับในโหมดไฮบริดจะสามารถประหยัดน้ำมันได้โดยเฉลี่ย 14 – 18 กิโลเมตรต่อลิตร

Honda City 1.0 Turbo

ส่วนฮอนด้าซิตี้ก็ถือเป็นรถประหยัดน้ำมัน อีกรุ่นที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้ เพราะมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เทอร์โบที่ให้ทั้งความเร็วเริ่มต้นและพลังการถีบที่แข็งแกร่งตามต้องการ ให้ทุกการขับขี่เป็นเรื่องสนุก ตอบโจทย์การใช้งานภายในเมือง แต่ระยะทางไกลก็ดีเหมือนกัน

ในส่วนของดีไซน์ภายนอกยังคงดูทันสมัย โฉบเฉี่ยวสไตล์ฮอนด้า นอกจากนี้ภายในห้องโดยสารยังสามารถรองรับสัมภาระได้มากขึ้นด้วยการพับเบาะทั้งแนวตั้งและแนวนอน ที่สำคัญ Hond City 1.0 Turbo ยังมี Adaptive Cruise Control และเทคโนโลยี Honda Sensing เหมาะสำหรับมือใหม่และเป็นรถประหยัดน้ำมันอีกด้วย อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร เท่านั้น

Susuki Swift

คงไม่พูดถึง Suzuki Swift รถยนต์คันเล็กสไตล์ Eco Car ที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องของรถประหยัดน้ำมัน ส่วนภายนอกได้รับการออกแบบในสไตล์คลาสสิกเอาใจแฟนวินเทจ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีร่วมสมัยอย่างไฟ LED โปรเจคเตอร์ที่สามารถปรับสูง-ต่ำได้ด้วยหลอดไฟ LED Day Time Running และไฟท้ายยังมีดีไซน์ LED ใหม่อีกด้วย

ส่วนขุมพลังของ Suzuki Swift รุ่นนี้มีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี Duajet และแพลตฟอร์ม HEARTECT ที่ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและเหมาะมากสำหรับการขับขี่ในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะว่า Suzuki Swift คันนี้เป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 23 กิโลเมตรต่อลิตร

Honda HR-V e:HEV

ถ้าพูดถึง Honda HR-V e:HEV นี่คือรถประหยัดน้ำมัน อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดเต็มรูปแบบ จุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkison Cycle ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า และแรงบิด 253 นิวตันเมตร ทำให้รถยนต์ Honda HR-V e:HEV เป็นรถเครื่องยนต์ 1.5 ที่ตอบสนองได้ดีที่สุดในเรื่องการประหยัดน้ำมัน

นอกจากนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายในห้องโดยสารยังได้รับการออกแบบให้กว้างขวางอีกด้วย สะดวกและจุสัมภาระได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Honda Sensing อัตราการประหยัดน้ำมันของรุ่นนี้อยู่ที่ 25.6 กิโลเมตรต่อลิตร

Toyota Corolla Cross Hybrid

นี่คือ รถยนต์ประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.8 พร้อมมีการออกแบบภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยว ดูทรงพลัง มาพร้อมขุมกำลังของเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร ซึ่งเป็นระบบไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดในเจเนอเรชัน 4 ที่ได้รับการพัฒนาแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทนทานและประหยัดน้ำมันมากขึ้น

Toyota Corolla Cross Hybrid ยังเป็นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า เกียร์ E-CVT และแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดรายที่ให้กำลังรวมสูงถึง 122 แรงม้า และอีกหนึ่งเสน่ห์ของรุ่นนี้ก็คือเป็น รถยนต์ประหยัดน้ำมัน ที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถรุ่นนี้อยู่ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้นและยังมีพื้นที่ด้านหลังมาอย่างกว้างสามารถเก็บสัมภาระได้เยอะถึง 487 ลิตร

Mazda 2

รถยนต์ประหยัดน้ำมัน อีกรุ่นหนึ่งที่มีดีไซน์โดดเด่นสะท้อนถึงความหรูหรา มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV ทั้งเบนซินและดีเซล Mazda 2 จะมีให้เลือกทั้งแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก มีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้าที่ช่วยควบคุมการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและสมดุลในทุกรุ่นซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง รวมถึงการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้ความสะดวกสบายในการใช้งานมากกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน รถยนต์ Mazda 2 มีอัตราการสิ้นเปลืองแบ่งตามประเภทเครื่องยนต์

Haval Jolion Hybrid

Haval Jolion Hybrid เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ประหยัดน้ำมันเลยก็ว่าได้ ซึ่งจัดอยู่ในประเภท SUV ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดปัจจุบัน เนื่องจากมีดีไซน์ภายนอกที่ดูดีทั้งไฟหน้า LED ที่มาพร้อมกับ DayTime Running Light ดีไซน์ทันสมัย เรียบหรู พร้อมระบบ Welcome Light เมื่อปลดล็อค และระบบ Follow Me Home ไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์

ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED นอกจากนี้ยังมีกระจังหน้า Star Matrix ดีไซน์ทันสมัยภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” ที่ให้ความรู้สึกกว้างขวาง รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกในการใช้งาน ส่วนตัวรถขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังเป็นแบบ DHT นี่คือรถประหยัดน้ำมัน อีกรุ่นหนึ่งที่มีการขับขี่ที่ทรงพลังและลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร

Volvo XC60 T8

รถยนต์ไฮบริดที่ออกแบบให้เป็นรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ Drive E 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,969 ซีซี ให้กำลัง 320 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 87 แรงม้า รวมกำลังสูงสุด 407 แรงม้า การขับขี่สนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ Geartronic 8 สปีด พร้อมระบบ Plug-in Hybrid แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมไอออน 18.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งรถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ได้เร็วถึง 88.7 กิโลเมตร/การชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC

ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ถึง 100 นอกจากขุมพลังแล้ว ตัวรถยังมีการออกแบบภายในและภายนอกที่หรูหราอีกด้วย รวมถึงเทคโนโลยีในด้านสมรรถนะที่ช่วยในการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ Volvo XC60 T8 อยู่ที่ 22.40 กิโลเมตรต่อลิตร

Nissan Almera

นอกจากเรื่องขุมพลังแล้ว ตัวรถยังมีการออกแบบทั้งภายในและภายนอกที่ดูหรูหรา รวมถึงเทคโนโลยีในด้านสมรรถนะเพื่อช่วยให้การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพ โดยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Volvo XC60 T8 อยู่ที่ 22.40 กิโลเมตรต่อลิตร

ปิดท้ายกันด้วย รถยนต์ประหยัดน้ำมัน สไตล์เก๋งซีดานที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 และออปชั่นความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ทั้งเซนเซอร์รอบคัน กล้องมองหลังแบบ 360 องศา (BSM) เหมาะอย่างยิ่งกับมือใหม่หัดขับ หรือคนที่ยังขับรถไม่แข็ง เพราะระบบช่วยเหลือในเรื่องของการขับขี่ที่ครบครันและใช้งานง่าย

พร้อมห้องโดยสารที่ดูเรียบหรู อำรนวยความสะดวกสบายขั้นสุด โดดเด่นด้วยมาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital หน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่สำคัญ Nissan Almera ยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากๆ อีกหนึ่งคันเลยทีเดียว รถยนต์ประหยัดน้ำมัน

บทความที่เกี่ยวข้อง